เรียนตัดผม ส่วนตัวแบบเร่งรัดกับ อาจารย์ชนะ

เรียนตัดผมชาย และ การใช้บัตเตอร์เลี่ยน กับอาจารย์ตัดผมที่เก่งที่สุด แบบตัวต่อตัว อาจารย์ชนะ หนูดาษ โทร 081-3065169

วันศุกร์ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2553

อาชีพช่างตัดผม

อาชีพหลายอาชีพในโลกเรานี้ ที่อาจจะเรียกได้ว่า เป็นอาชีพเก่าแก่ที่มีมานาน ถึงกับมีการจดจารึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ของหลายชนชาติ...หนึ่งในนั้นคือ อาชีพช่างผม
คน ส่วนใหญ่นึกไม่ถึงว่า อาชีพช่างทำผม หรือช่างเสริมสวยเป็นอาชีพที่มีมานาน เก่าแก่ขนาดย้อนไปได้ถึงหลายพันปี เรียกว่ามีมาก่อนหน้ายุคประวัติศาสตร์เลยก็ว่าได้ นั่นเป็นเพราะคนเราให้ความสำคัญกับความสวยงามมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว

นอกจากนั้น ในหลายความเชื่อ หลายสังคมผมเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องดูแลให้ดี เพราะเชื่อกันมานานานนมแล้วว่า วิญญาณอาจจะผ่านเข้าทางผม ซึ่งอยู่บนหัวคนเราได้ ทั้งวิญญาณดีและร้าย ส่งผลให้เกิดแฟชั่นการไว้ผมทรงต่างๆ และในอดีตผู้มีหน้าที่ตกแต่งทรงผมก็เป็นคนสำคัญ เพราะช่วยป้องกันวิญญาณชั่วร้ายได้



ในยุคอียิปต์โบราณ หลายศตวรรษที่ผ่านมา ช่างตัดผมเป็นาชีพที่เฟื่องฟูและได้รับการยอมรับอย่างมากในทุกชนชั้น ตั้งแต่องค์ฟาโรห์ลงมา ต่างก็ต้องอาศัยความสามารถของช่างด้านนี้ทั้งสิ้น

เรื่อยมาจนถึงสมัยกรีก ช่างทำผมเป็นอาชีพที่ได้รับการยกย่องมากในช่วงศตวรรษที่ 5 ก่อนคริสตกาลเป็นต้นมา เหล่าเจ้าขุนมูลนายในเอเธอร์ต่างแข่งขันกันในเรื่องการดูแลเครา ซึ่งถือเป็นสิ่งสำคัญและแสดงฐานะหน้าตาในยุคนั้น การขริบเคราเป็นเรื่องของศิลปะชั้นสูง

ทำให้ช่างตัดผมได้กลายเป็นชน ชั้นสำคัญ เหล่าผู้ปกครองเมืองและคนสำคัญต่างๆ มักเข้าร้านไปตัดผม เล็มเคราดัดหรือปรุงแต่งด้วยกลิ่นหอมเป็นประจำ แม้จะต้องจ่ายในราคาแพงก็ถือว่าคุ้มค่า เพราะนอกจากจะได้ความสวยงาม น่านับถือกลับมาแล้ว ในร้านทำผมยังเป็นแหล่งสำคัญที่ได้โอกาสในการพูดคุยถึงข่าวสาร การเมือง หรือเรื่องต่างๆ นานาที่สำคัญด้วย

ในยุคนั้น (และเรื่อยมาจนถึงยุคนี้) หน้าตาท่าทางเป็นเรื่องสำคัญในการบ่งบอกบานุบุคคล และว่ากันว่า ในสังคมกรีกโบราณนั้น ความสง่างามวัดกันที่ว่า ใครจะตกแต่งเคราให้ได้สวยงามกว่ากัน และเคราที่ช่วยเสริมบุคลิกอาจจะช่วยให้ได้รับชัยชนะทางการเมืองเลยทีเดียว ช่างทำผมจึงเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในหมู่ชนชั้นสูง

อย่างไรก็ตาม ความสำคัญของช่างทำผมถูกลดน้อยถอยลงในช่วงศตวรรษที่ 3 ก่อนคริสตกาล เพราะเจ้าเคราที่เคยคิดว่าเป็นสิ่งที่ดี กลับกลายเป็นอุปสรรคในการรบเมื่อชาวมาซิโดเนียภายใต้การนำของอเล็กซานเดอร์ มหาราช ต้องประสบความพ่ายแพ้ในการรบกับชาวเปอร์เซีย เพราะศัตรูมักจะคว้าเครายาวเฟื้อยของพวกมาซิโดเนียไว้พอถนัดมือแล้วจ้วงแทง เห็นอย่างนั้นแล้วพระเจ้าอเล็กซานเดอร์เลยต้อง มีบัญชาให้ทหารโกนเคราจนเกลี้ยง จากนั้นประชาชนก็เอาแบบทหารทำให้ช่างทำแฟชั่นการทำผม เสริมเคราต้องเลิกไปโดยปริยาย

แต่อับจนได้ไม่นาน ช่างทำผมก็มีโอกาสหวนกลับคืนสู่สังคมชนชั้นสูงอีกครั้ง เมื่ออีกไม่นานต่อมา การไว้เครากลับมาเป็นที่นิยมในโรม มันกลายเป็นสิ่งที่อาจเรียกได้ว่าแฟชั่นยุคโบราณ ร้านทำผมกลายเป็นแหล่งรวมชายเจ้าสำอางที่ยอมเสียเวลาหลายชั่วโมงในการตกแต่ง ทรงผม และเครารวมไปถึงการนวด ทำเล็บ ใช้เครื่องหอมและเครื่องสำอาง
ส่วนสาวๆนั้นไม่จำเป็นต้องออกไปร้านทำผม เพราะผู้หญิงชั้นสูงในโรมันมักจะมีช่างแต่งผมส่วนตัว

หลัง จากนั้น อาชีพช่างทำผม หรือช่างเสริมสวยก็กลับมาทวีความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ จากโรมไปถึงเมืองอื่นๆ ในยุโรป ซึ่งเกิดการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ขึ้นกับช่างทำผม เนื่องจากในยุคโบราณ การแพทย์ยังไม่เจริญก้าวหน้า ผู้ให้การรักษาส่วนใหญ่เป็นพระ ที่มักจะจ้างช่างตัดผมมาเป็นผู้ช่วยโดยเฉพาะอย่างยิ่งในการรักษาด้วยการเอาเลือดออกจากตัวเสียบ้าง

เพราะเป็นความเชื่อของคนยุโรปสมัยก่อน ทำไปทำมาช่างทำผมก็เลยกลายเป็นหมอผ่าตัดไปด้วยอีกอาชีพหนึ่ง แถมทำมาทำไป ยังมีความสามารถเพิ่มเติม ด้วยการรับทำฟันอีกด้วย ช่างทำผมในยุโรปยุคก่อนจึงเป็นอาชีพที่มีความหลากหลาย

กระนั้นก็ถูกตั้งข้อรังเกียจจากพวกหมอจริงๆ และเหล่าหมอฟัน ที่เห็นว่าช่างทำผมชักจะทำเกินหน้าที่ไปเสียแล้ว

แต่ ความนิยมเดินเข้าร้านทำผมเพื่อทำกิจกรรมหลายๆอย่าง ทั้งตกแต่งทรงผม รักษาโรคและทำฟันก็ยังเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นต่อเนื่องเรื่อยมานับตั้งแต่ช่วง คริสต์ศตวรรษที่ 10 และในช่วงกลางคริสต์ศตวรรษที่ 13 ก็ได้มีการตั้งโรงเรียนเพื่อสอนช่างผมเกี่ยวกับการทำงานด้านการผ่าตัดอย่าง เป็นเรื่องเป็นราว

อย่างไรก็ตาม เมื่อคนเรามีความรู้มากขึ้นการเปลี่ยนแปลงก็ตามมา ใน ค.ศ.1416 มีการออกระเบียบห้ามไม่ให้ช่างผมทำหน้าที่รักษาคนป่วยอีกต่อไป หลังจากที่ผู้คนเริ่มบ่นว่า ไปหาช่างตัดผมแล้วป่วยมากกว่าจะหายป่วย

แต่ ถึงกระนั้น ช่างทำผมก็ยังคงอยู่ในฐานะที่สำคัญ เพราะชนชั้นสูงก็ยังให้ความนับถือต่ออาชีพนี้ และช่างทำผมหลายคนก็ยังทำตัวเป็นหมอผ่าตัดอยู่ต่อไปจนถึงศตวรรษที่ 18 ซึ่งรัฐสภาแห่งอังกฤษได้ออกกฎหมายที่แยกช่างทำผมกับหมอออกจากกันอย่างเด็ด ขาด และกฎหมายในลักษณะเดียวกันนี้ก็ถูกประกาศใช้ในฝรั่งเศส และอีกหลายประเทศ

ตอนนั้นเองที่เป็นการก้าวเข้าสู่ยุคตกต่ำของช่างทำผมอีกครั้ง ช่างตัดผมทั่วยุโรปเลิกทำการผ่าตัด (ยกเว้นในเมืองเล็กๆ ที่ไม่มีหมอผ่าตัดหรือหมอฟัน)

นอก จากนั้น ในช่วงศตวรรษที่ 18 และ19 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่วิกเป็นสิ่งที่ได้รับความนิยมในยุโรป ช่างทำผมก็หมดความสำคัญลงอย่างสิ้นเชิง พวกเขากลายเป็นช่างวิก หลายคนถูกลดศักดิ์ศรีไปเป็นเพียงชนชั้นคนรับใช้

อย่างไรก็ตาม เมื่อกระแสความนิยมในการใส่วิกหมดไป ช่างทำผมก็กลับมามีความสำคัญอีกครั้ง จนถึงยุคปัจจุบัน ช่างทำผมชื่อดังหลายคนสามารถทำรายได้มากกว่านักธุรกิจระดับบริหารช่างเสริม สวยหลายคนมีความสำคัญถึงขนาดที่ต้องจองวันเวลาเพื่อนัดหมายก่อนเข้ารับ บริการคนรุ่นใหม่จำนวนไม่น้อยที่ใฝ่ฝันอยากเป็นช่างทำผม และก้าวขึ้นไปอยู่ในระดับแถวหน้าของวงการแฟชั่นโลก

ความใฝ่ฝันอยากเป็นช่างทำผมนี้ กลายเป็นแนวคิดหลักในภาพยนตร์เรื่อง You Don’t Mess with the Zohan ถ้าคุณไม่แน่...อย่าแหย่โซฮาน คือเรื่องราวของนายทหารอิสราเอล ที่วิ่งไล่ตามความฝันในการเป็นช่างทำผมที่นิวยอร์ก แต่แม้จะอยากปล่อยวางภาระการต่อต้านผู้ก่อการร้ายไว้เบื้องหลัง หนุ่มผู้รักการทำผมก็ยังไม่วายต้องต่อสู้กับศัตรูทั้งเก่าและใหม่ที่รุมเร้า กันเข้ามา โซฮานจึงต้องสู้ ! เพื่อมุ่งสู่ฝันในการเป็นช่างทำผม !!

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น